วัดประโชติการาม

วัดประโชติการาม ตั้งอยู่ที่ตำบลบางกระบือ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี เป็นวัดเก่าแก่ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปยืนปางห้ามญาติ พุทธลักษณะงดงาม ศิลปะแบบสุโขทัยขนาดใหญ่ 2 องค์ คือ หลวงพ่อทรัพย์ สูง 6 วา 7 นิ้ว และหลวงพ่อสิน สูง 3 วา 3 ศอก 5 นิ้ว ซึ่งมีพุทธลักษณะที่งดงาม เป็นที่เคารพสักการะของประชาชนทั่วไป โดยหลวงพ่อสินประดิษฐานอยู่ทางด้านหน้า หลวงพ่อทรัพย์อยู่ทางด้านหลัง ทั้งสององค์เป็นที่นับถืออย่างมาก ชาวบ้านต่างพากันกล่าวว่ามีความศักดิสิทธิ์น่าเลื่อมใส ในอดีตหลวงพ่อสินเคยอยู่ในสภาพทรุดโทรมใกล้จะล้ม แต่มีเณรผ่านมาและได้ชักชวนชาวบ้านมาช่วยกันหาไม้ค้ำไว้พร้อมอธิษฐานว่าหากภายภาคหน้าทำการค้าเจริญรุ่งเรืองจะนำเงินกลับมาบูรณะ ปรากฏว่าเป็นจริงดั่งคำขอ เณรนั้นคือ ท่านมหาสม พ่วงภักดี ทำกิจการขายหนังสือธรรมะ เมื่อมีทุนทรัพย์ก็กลับมาบูรณะวัด ปัจจุบันกล่าวกันว่า ให้มาอาราธนาศีลจากหลวงพ่อสินแล้วไปขอพรจากหลวงพ่อทรัพย์ จะสมหวังทุกประการ

ประวัติวัดประโชติการาม

วัดประโชติการาม เดิมชื่อวัดประชด มีตำนานเล่าถึงที่มาของวัดประโชติการามว่า ครั้งหนึ่งมีสิงห์ตนหนึ่งอาศัยอยู่ในถ้ำบริเวณ พระวิหารพระพุทธไสยาสน์ วัดพระนอนจักรสีห์ สิงห์ตัวนี้ไปหากินถึงแขวงเมืองชัยนาท พบบุตรีของเศรษฐีผู้หนึ่ง จึงลักพามาเป็นภรรยา ต่อมาได้บุตรชายเป็นมนุษย์ ตั้งชื่อว่า สิงหพาหุ เมื่อเติบใหญ่ขึ้นเขาเกิดสงสัยว่าใครกันคือบิดา ซึ่งตามปกติเขาจะออกไปหาอาหารกับสิงห์เป็นประจำ มารดาจึงตอบว่า ผู้ที่เจ้าออกไปด้วยนั่นแลคือบิดาเจ้า สิงหพาหุได้รู้ก็เกิดความอับอายเพื่อนมนุษย์ด้วยกันยิ่ง จึงวางอุบายฆ่าสิงห์ผู้เป็นบิดา ทว่าหลังจากปลงศพเสร็จก็สำนึกผิด จึงสร้างพระพุทธรูปและกุฎีวิหารถวายเป็นสังฆิการาม สิงหาพาหุสร้างพระพุทธไสยาสน์ขึ้นองค์หนึ่งโดยใช้ทองคำเป็นแกนพระพุทธรูป แล้ววางทับคูหาบิดาไว้ และสร้างกุฎีวิหารครอบอีกทีเป็นพระอาราม โดยอยู่ ณ ต้นโพธิ์ที่เขาได้ปลิดชีพบิดา วัดนี้ได้ชื่อว่า วัดสระบาป สิงหนพาหุกลัวว่าบาปยังไม่สิ้นไปจึงมาสร้างขึ้นอีกวัด หนึ่งชื่อ วัดประชด เพื่อให้บาปพ้นไปเพื่อเป็นการชดเชยหรือประชดให้ จึงได้สร้างพระพุทธรูปยืนปางห้ามญาติขึ้น 2 องค์ และได้ขนานนามว่า หลวงพ่อสิน สูง 3 วา 3 ศอก 5 นิ้ว ส่วนองค์หลังขนาดนามว่า หลวงพ่อทรัพย์ สูง 6 วา 7 นิ้ว และด้านหลังมณฑกหลวงพ่อสร้าง ได้สร้างพระมหาเจดีย์ใหญ่องค์หนึ่ง แต่บัดนี้ได้ทรุดโทรมหักพังเหลือแต่ซาก เมื่อทางคณะกรรมการวัดได้ทำการก่อสร้างพระอุโบสถหลังปัจจุบัน ก็ได้ช่วยกันถมดินและเศษอิฐ ซึ่งสลักหักพังมาถมพื้นอุโบสถให้สูงเสมอกับวิหารหลวงพ่อทั้งสององค์ แต่น่าอัศจรรย์ตรงกลางพระเจดีย์ไม่มีใครสามารถทำลายได้ คงปล่อยให้เป็นโคกสูงอย่างนั้นเอง

จนกระทั่งวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 7 ปี พ.ศ.2496 พระอธิการปั้น ซึ่งขณะนั้นจำพรรษาอยู่วัดยาว ตำบลทับยา อำเภออินทร์บุรี ได้ครุ่นคิดอยู่เสมออยากจะมาเที่ยววัดประชดเหลือเกิน บังเอิญวันดังกล่าวก็มีโอกาสได้มา ก็เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก จนพระอธิการปั้นไม่สามารถกลับวัดได้ จนเวลาบ่าย 6 โมงเย็นจึงหาย พระอธิการปั้นจึงได้เข้าไปนมัสการหลวงพ่อสิน และหลวงพ่อทรัพย์ แล้วก็ออกเดินทางไปด้านหลังหลวงพ่อทรัพย์จะออกถนนเหลือยแถไปทางด้านพระเจดีย์ ซึ่งตอนนั้นเป็นดินอยู่ แลเห็นพระพุทธรูปยืนอยู่บนโคกดิน ดังนั้น ท่านจึงเดินไปตั้งใจจะไปเอาพระพุทธรูป พระพุทธรูปนั้นก็จางหายไป เห็นแต่ไหใบใหญ่มีฝาปิดโผล่อยู่บนผิวดิน จึงเข้าไปเอาปลายร่มกระทุ้งดู เห็นฝาเปิดไหอยู่จึงเข้าใจว่าคงจะเป็นกรุพระหรือของมีค่าแน่นอน จึงรีบไปบอกพระภายในวัดประชดนี้ให้มาดู แล้วช่วยกันลอกขุดดู (พระขณะนั้นมีพระเต่า พระฉ่ำ พระหยวก พระแหยม และนายปลั่งซึ่งกำลังเป็นนาคอยู่)

ในขณะที่ขุดนั้นได้เกิดปาฏิหาริย์ เสียงดัง แต่ก็ไม่พบอะไร เมื่อตั้งสติดีแล้ว ก็ช่วยกันยกไหซึ่งมี 4 หูแบบโบราณ เมื่อเปิดฝาออกดูก็พบพระเครื่องปางต่าง ๆ มากมายและตอนกลาง ๆ ไหก็มีพระบูชาปางต่าง ๆ หลายสิบชนิด กำไรข้อมูลแบบทองคำ ทองเหลือง แหวนแบบหนวดกุ้งอย่างเก่ามากมาย พระจึงให้มรรคทายกไปแจ้งเรื่องให้ ท่านเจ้าคุณสิหราชมุนี เจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี วัดสังฆราชาวาส เมื่อพระคุณเจ้ามาถึงวัดประชด ก็ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจดูพระและจำนวน และได้นำออกให้ประชาชนเช่าเพื่อนำรายได้ไปสมทบในการสร้างพระอุโบสถ ซึ่งขณะนั้นยังไม่ได้เทพื้นและช่อฟ้าหน้าบรรณและทำฝาผนัง และแท่น พระประทาน ขณะนี้ยังเหลือแต่ไห 4 หู ซึ่งสำหรับใส่น้ำพระพุทธมนต์ประจำวัดเป็นประจำมีความศักดิ์สิทธิ์ ตามความปรารถนาของผู้คน

ส่วนฝาไหนั้นขณะที่ได้กรุใหม่ ๆ มีประชาชนมาชมกันมากก็เอาฝาเปิดวางไว้ข้างไฟ ได้มีเด็กชายเบี้ยว ชัยศิลป์จะเข้าไปดูในไห ดูไม่ถึงเหยียบไปบนฝาไห แล้วก็เกิดปาฏิหาริย์ล้มลงเดินไม่ได้ หลวงพ่อฟุ้ง อุตตโม ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสอยู่วัดสะเดา ขณะได้กรุพระท่านมาช่วยบัญชางานที่วัดประชดด้วย และท่านได้ตั้งเจตนาว่าจะนำพระบูชาและพระเครื่องไปให้คนเช่าและจำนำเงิน มาสร้างพระเจดีย์แทนเจดีย์องค์เก่า และท่านได้บอกบิดามารดาของเด็กชายเบี้ยวให้มาขอขมา และอาราธนาน้ำมนต์ที่โอ่งนั้นไปให้เด็กดื่ม และอาบ เด็กชายเบี้ยวก็หายเป็นปกติเดินได้ในวันนั้นเอง

[adsense-2]

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม

ท่านพระครูเกษมธรรมโชติ โทร. (089) 513 6491
ประชาสัมพันธ์จังหวัด โทร. (036) 507 135
สำนักงานจังหวัด โทร. (036) 411 500
สถานีเดินรถประจำทาง โทร. (036) 511 549
โรงพยาบาลสิงห์บุรี โทร.(036) 511 060, (036) 521 445-8 โทรสาร (036) 522 515
โรงพยาบาลท่าช้าง โทร. (036) 595 117, (0 36) 595 498
โรงพยาบาลพรหมบุรี โทร. (036) 599 481, (036) 537 984
โรงพยาบาลอินทร์บุรี โทร. (036) 581 993–7 โทรสาร (036) 581 992
สถานีตำรวจภูธร โทร. (036) 511 213
ตำรวจทางหลวง โทร. 1193,(036) 511 416
ตำรวจท่องเที่ยว โทร. 1155

การเดินทาง

รถยนต์ส่วนตัว วัดประโชติการาม ตั้งอยู่ที่ตำบลบางกระบือ อยู่ห่างจากตัวเมืองสิงห์บุรีประมาณ 5 กิโลเมตร เส้นทางหลวงหมายเลข 311 เส้นสิงห์บุรี-ชัยนาท (สายเก่า) ไปประมาณ 5 กิโลเมตร

 

ความเห็น

ความเห็น