ศาลาแก้วกู่

ศาลาแก้วกู่ ตั้งอยู่ที่ชุมชนสามัคคี ตำบลวัดธาตุ อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย สร้างโดยปรารถนาให้ที่แห่งนี้เป็น เมืองอมตะแก้วกู่มหานิพพาน หรือดินแดนแห่งการหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง เชื่อว่า ทุกศาสนาผสมผสานกันได้  ในพื้นที่ 42 ไร่ มีรูปปั้นเทวาลัยทั้งเล็กใหญ่ ว่ากันว่ามีไม่น้อยกว่าหลักพัน ฐานของเทวรูปและรูปปั้นต่างๆ จะมีคำบรรยายจารึกไว้ซึ่งมีทั้งภาษาไทย ภาษาอีสาน และส่วนที่เรียกว่า “ปริศนาธรรม” บ้างคนนิยมมาเที่ยวชมที่นี่เหมือนมาเที่ยวชมภาพจำลองนรก-สวรรค์ และดินแดนรวมแห่งทุกศาสนา ทั้งนี้ทางสำนักยังคงมีแผนจะดำเนินการก่อสร้างไปอีกเรื่อยๆ ตามกาลเวลาและศรัทธา และตามคำสอนของปู่เหลือที่ว่าทุกศาสนาผสมผสานกันได้ และปรารถนาให้ที่แห่งนี้เป็น “เมืองอมตะแก้วกู่มหานิพพาน หรือดินแดนแห่งการหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง”

ศาลาแก้วกู่สร้างขึ้นโดย “ปู่บุญเหลือ สุรีรัตน์” หรือ “ปู่เหลือ” ( พ.ศ. 2476 – 2539 ) ซึ่งมีประวัติชีวิตโดยย่อ ดังนี้ นางคำปลิว สุรีรัตน์ (พี่สาวคนโตของปู่เหลือ) ชาวหนองคาย แต่งงานได้ระยะหนึ่ง ฝันว่ามีชีปะขาวนำ นาคมรกตมามอบให้ แต่บอกว่าอีก 7 เดือนค่อยไปรับมาเป็นของตน ต่อมาแม่ตั้งท้องลูกคนที่เจ็ด ในวัยสูงอายุและหมดประจำเดือนแล้ว และคลอดเมื่ออายุครรภ์ได้ 7 เดือน ทุกคนจึงเชื่อว่าเป็นไปตามนิมิตในฝันนางคำปลิวและสามี จึงรับน้องชายมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ตั้งแต่แรกเกิดด.ช.บุญเหลือชอบเข้าวัดมาแต่เด็ก พออายุได้หกขวบนางคำปลิวเสียชีวิตลง สามีนางคำปลิวมีภรรยาใหม่ ด.ช.บุญเหลือจึงกลับไปอยู่กับ พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดแต่มักขัดขวางห้ามปรามผู้ใหญ่ในทางบาปต่างๆ จึงไม่เป็นที่รักใคร่ของญาติพี่น้อง ครั้นอายุ 12 ปี ทนความกดดัน รอบข้างไม่ไหว จึงหนีออกจากบ้านรอนแรม ไปจนพบสำนักอาศรมแก้วกู่ในเขตแดนลาว และได้ฝากตัวศึกษาเล่าเรียนปฏิบัติธรรมอยู่กับ พระมุนีที่นั่น จนอายุครบ 20 ปี

จนอายุครบ 20 ปี พระมุนีจึงให้ออกจากสำนัก ไปจาริกแสวงบุญโปรดญาติโยมทั้งใกล้และไกล เมื่ออายุ 30 ปี จึงได้กลับมาปรนนิบัติตอบแทนคุณในวาระสุดท้ายของชีวิตพ่อแม่ ก่อนแม่สิ้นบุญในปี 2507 ได้มอบที่ดิน 8 ไร่ ณ บ้านเชียงควาน เมืองท่าเดื่อ เวียงจันท์ ไว้เป็นมรดก

ปี พ.ศ. 2513 ปู่เหลือได้พัฒนาที่ดินดังกล่าวสร้างเป็น “ปูชนียสถานเทวาลัยอย่างมหึมา” พุทธศาสนิกชนทั้งในภาคพื้นยุโรป และเอเชียเลื่อมใสมาก แต่เมื่อเกิดเหตุวิกฤตในราชอาณาจักรลาวเมื่อปี พ.ศ. 2518 หลวงปู่จึงพาลูกศิษย์ข้ามโขงมา และรวมกันจัดตั้งเป็น “พุทธมามกสมาคมจังหวัดหนองคาย” โดยกรมการศาสนารับรองให้ในปี พ.ศ. 2519

[adsense-2]

ปี พ.ศ. 2521 สานุศิษย์ได้จัดซื้อที่ดินราว 41 ไร่ ในเขตบ้านสามัคคี ต.หาดคำ ถวายให้เป็นที่ตั้งสำนักจวบจนปัจจุบัน

ต้นปี พ.ศ.2527 ปู่เหลือถูกใส่ความ และมีผู้ไปแจ้งตำรวจตั้งข้อหาฉกรรจ์ ต้องอยู่ในเรือนจำจนถึง ปลายปี 2529 เมื่อออกมาแล้วก็สร้างเทวรูป อีกมากมาย ทั้งเล็กและใหญ่ และทั้งขนาดที่สูงถึง 33 เมตร เมื่อสร้างทั้งพุทธรูปและเทวรูปถึง 209 ปางแล้ว ก็สร้างศาลาแก้วกู่หลังใหม่โดยรื้อหลังเก่า (พ.ศ.2523 – 2538) ที่ทรุดโทรมลง ขณะก่อสร้างศาลาหลังใหม่ ปู่เหลือก็ล้มป่วย และต่อมาได้เสียชีวิตลงในเดือนสิงหาคม 2539 สานุศิษย์ได้นำผอบ (ผะ-อบ) แก้วใส่ร่างของท่านไว้ ตามความประสงค์ก่อนสิ้นชีวิต” ปู่เหลือ เป็นนักพรต ผู้ทรงศีล ถือศีล เคร่งวิปัสสนาสั่งสานุศิษย์ว่า เมื่อสิ้นชีวิตแล้ว อย่าฉีดยา อย่าเผา อย่าฝัง ให้ใส่ผอบแก้วไว้  ด้วยอัศจรรย์ ร่างไม่ได้เปื่อยเน่า และสานุศิษย์บอกว่า เส้นผมของปู่เหลือ จะเป็นสีดำ และเป็นสีขาว สลับสับเปลี่ยน แบบนี้อยู่เรื่อยๆ (ดำก็ดำล้วน ขาวก็ขาวล้วน)

ร่างปู่เหลืออยู่ภายในอาคารชั้นที่ 3 ของศาลาแก้วกู่ ซึ่งในแต่ละชั้นมีพระพุทธรูป เก่าแก่ต่างๆ ซึ่งนำมาจากฝั่งลาว เมื่อย้ายที่มาตั้งที่หนองคาย

ช่วงเวลาที่เปิดให้เข้าชม เปิดทุกวัน เวลา 6.00-18.00 น.

ค่าธรรมเนียม  ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท

ช่วงเวลาแนะนำ  ช่วงเช้า หรือเย็น แดดจะไม่ร้อนมาก เนื่องจากบริเวณทั้งหมดเป็นพื้นที่กลางแจ้ง

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม

ศาลาแก้วกู่ โทร. (081) 369 5744
ตำรวจทางหลวง โทร. (042) 420093
ททท.สนง.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 5 จ.อุดรธานี (รับผิดชอบพื้นที่จ.หนองคายด้วย) โทร. (042) 325406-7
ประชาสัมพันธ์จังหวัด โทร. (042) 412110
ไปรษณีย์จังหวัด โทร. (042) 411521
สถานีขนส่งจังหวัด โทร. (042) 411612
สถานีตำรวจภูธร อ.เมือง โทร. (042) 411021, 411071
โรงพยาบาลเซกา โทร. (042) 489099
โรงพยาบาลท่าบ่อ โทร. (042) 431015
โรงพยาบาลบึงกาฬ โทร. (042) 491162-3
โรงพยาบาลบึงโขงหลวง โทร. (042) 489008
โรงพยาบาลปากคาด โทร. (042) 481099-100
โรงพยาบาลพรเจริญ โทร. (042) 487099
โรงพยาบาลโพนพิสัย โทร. (042) 471204-5
โรงพยาบาลศรีเชียงใหม่ โทร. (042) 451125
โรงพยาบาลศรีวิไล โทร. (042) 497099
โรงพยาบาลสังคม โทร. (042) 441051
โรงพยาบาลหนองคาย โทร. (042) 411360, 411366

การเดินทาง

รถยนต์ส่วนตัว จากตัวเมืองหนองคายใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 212 มุ่งหน้าไปทางอำเภอโพนพิสัยประมาณ 3 – 4 กม.จะสังเกตเห็นป้ายศาลาแก้วกู่อยู่ฝั่งตรงข้ามถนน (ถ้าไม่เห็นป้ายศาลาแก้วกู่ให้สังเกตป้ายบอกทางไปพุทธมามกะสมาคมจ.หนองคายแทน) ให้กลับรถย้อนเข้ามาทางอำเภอเมืองแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยที่มีป้ายบอกทางดังกล่าวไปอีกประมาณ 500 เมตร ก็จะถึงศาลาแก้วกู่

แผนที่

ความเห็น

ความเห็น