วัดพระนอน

วัดพระนอนเป็นวัดโบราณสถานที่มีอายุ นับพันปี สร้างด้วยศิลปะแบบผสมผสานถึงสามยุค คือ เชียงแสน สุโขทัย และอยุธยาตอนปลาย วัดพระนอนสร้างโดย เจ้าพระยาชัยชนะสงคราม และพระนางเจ้าอู่ทองศรีพิมพาเมื่อ จ.ศ. ๒๓๖ แต่เดิมนั้นวัดนี้ มีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ คือพระนอนซึ่งองค์จริงนั้นเป็นหินยาวขนาดหกศอกต่อมาเจ้าปู่ท้าวคำซึ่งเป็นพระอัยการของเจ้าชัยชนะสงคราม เห็นว่า ไม่ปลอดภัยจึงสั่งให้สร้างพระนอนองค์ใหญ่ ครอบองค์เดิมไว้ และช่วยกันตกแต่งพระพุทธ รูปนอนองค์ใหญ่ให้สวยงามพอดีมีกองทับพม่ามารุกรานเมืองโกศัยาวเมืองก็ตื่นกลัวพากันอพยพหลบหนี้ไปตามป่าเขาโดยยังมิทันได้ฉลองพระพุทธรูปองค์นอน เจ้าพระยาชัยชนะ สงครามเห็นเหตุการณ์ ดังนั้น จึงตรัสสั่งมเหสีว่า “ดูกรเจ้าพิมพาศึกมาถึงบ้านเมืองความแตกตื่นย่อมมีดังนี้ขอให้สร้างให้เสร็จแล้วทำบุญวันรุ่งขึ้นของวันใหม่” แล้วเจ้าชัยชนะ สงครามก็ออกศึก และสวรรคตในสนามรบ น้องชาย ท้าวยาสิทธิ์ แสนหาญ ออกรบสู่พม่า ก็หาสาบสูญอีก พระนางพิมพาจึงได้ลงมือสร้างวัดพระนอน เจดี์ขึ้น แล้วจารึกในแผ่นทองคำ เป็นตัวหนังสือ พื้นเมืองว่า วัดพระนอนนนี้ให้มีการนมัสการไหว้สาในเดือน เก้าเหนือ ขึ้นสสิบห้าค่ำจึงเป็นงานนมัสการวัดพระนอน เมืองนครโกศัยไม่มีเจ้าปกครองได้ละทิ้ง วัดพระนอนเป็นวัดร้างเป็นเวลานานเท่าใดไม่ปรากฏ

[adsense-2]

มีต้นไม้ขนาดใหญ่ขึ้นคลุมบริเวณวัด มีเถาวัลย์ขนาดใหญ่ ชื่อว่าผักหละ(ชะอม) ขึ้นปกคลุมพระนอนเป็นเวลานาน จนกลายเป็นป่า ต่อมามีพ่อค้าต่างเมืองเดินทางมาค้างแรมบริเวณดังกล่าวเห็นผักหละขึ้นงามดีจึงนำไปทำอาหาร และได้พบเศษอิฐอยู่ทั่วไปพวกพ่อค้าจึงสงสัยว่าเป็นวัดร้าง และนำไปเล่าให้ชาวบ้านฟังชาวบ้านก็แตกตื่นช่วยกันหักล้างถางพงพบต้นไม้ใหญ่เป็นต้นมะม่วงขึ้นคลุมพระนอนคล้ายกับร่ม ชาวบ้านเกิดศรัทธา จึงช่วยกันบูรณะ ซ่อมแซมให้สวยงามและแข็งแรง และได้ตั้งชื่อเสียใหม่ว่าวัดม่วงคำ ต่อมาพบแผ่นทองคำจารึกของพระนามพิมพาจึงได้รู้ว่าวัดม่วงคำ แต่เดิมชื่อ วัดพระนอน และสันนิฐานว่าวัดพระนอนนี้ได้สร้างสำเร็จในเดือนเก้าเหนือขึ้นสิบห้าค่ำ ทั้งนี้โดยถือเอาคำจารึกในแผ่นทองคำเป็นหลักและพระ ประธานในวิหารใหญ่นั้นชื่อหลวงพ่อ มงคลทิพณี แต่ไม่ปรากฏหลักฐานในการสร้างแต่มีเพียงตัวหนังสือ เขียนไว้ว่า “วัดพระนอนเป็นโบราณสถาน มีแต่นานเนื่องมาน่านับถือมีประวัติสืบเล่าเขาเลื่องลือ ว่าได้ชื่อพระนอนก่อนเก่ากาลอนุชนรุ่นหลังฟังไว้ ขอภูมิใจซึ่งคุณค่ามหาศาลมรดกตกทอดตลอดนาน อยู่คู่บ้านเมืองแพร่แต่นี้เทอญฯ”

ภายในวัดมีอุโบสถที่สวยงามเป็นสถาปัตยกรรมผสมผสานกันระหว่างเชียงแสน สุโขทัย และอยุธยาตอนปลาย ที่ผสมผสานกันอย่างกลมกลืน ประดับสวยงามด้วยหางหงส์ ช่อฟ้า ใบระกา ที่แกะสลักด้วยไม้ลวดลายงดงาม โดยรอบอุโบสถไม่มีหน้าต่าง แต่ทำเป็นช่องรับแสงแทน ส่วนหน้าบันแกะสลักอย่างงดงามเป็นลายก้านขดและภาพรามเกียรติ์ เพดานประดับด้วยลวดลายประยุกต์เข้ากับโคมไฟ ด้านขวามือของอุโบสถมีหอไตรปิฎก ใช้สำหรับเก็บพระธรรม ด้านหลังอุโบสถมีองค์พระธาตุสีทอง และอุโบสถอีกหลังหนึ่งภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางสีหไสยาสน์ เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นยาว 9 เมตรลงรักปิดทองทั้งองค์ โดยวัดพระนอนจะมีพิธีนมัสการไหว้ในเดือนเก้าเหนือขึ้นสิบห้าค่ำของทุกปี และที่สำคัญวัดพระนอนนั้นเมื่อมีการเวียนเทียนจะสามารถเวียนโดยรอบ 3 อย่างด้วยกันคืออุโบสถ หอไตร และองค์พระธาตุ

แผนที่วัดพระนอน

ความเห็น

ความเห็น