วัดสว่างอารมณ์(ถ้ำศรีธน)

วัดสว่างอารมณ์ (วัดถ้ำศรีธน) ไปไหว้พระนอน ชมวิวทิวทัศน์เมืองลาว ตามรอยท้าวศรีธนกันค่ะ วัดสว่างอารมณ์(ถ้ำศรีธน) ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอปากคาด จ.บึงกาฬ เป็นวัดที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดบึงกาฬ วัดตั้งอยู่บริเวณลานหินเนินเขา ร่มรื่นด้วยต้นไม้และลำธารเล็กๆไหลผ่าน บริเวณใต้โขดหินใหญ่ประดิษฐานพระนอนปางปรินิพพานให้ผู้คนสักการะบูชา บนโขดหินมีอุโบสถทรงระฆังคว่ำ รอบๆ อุโบสถมีระฆังคว่ำ 4 จุดรายรอบ และสามารถเดินชมวิว สวยๆ งามๆ ในพื้นที่ อ.ปากคาด รอบทิศ หากขึ้นไปถึงด้านบนสามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้ไกลจนถึงฝั่งลาว เป็นวัดที่มีทิวทัศน์สวยงาม เต็มไปด้วยก้อนหินน้อยใหญ่ และเงียบสงบ บริเวณด้านบนก้อนหินเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของแม่น้ำโขง

เดิมบริเวณนี้เป็นที่อยู่ของชาวบ้านปากกล้วย ซึ่งอพยพมาจากแขวงเมืองปากซัน ประเทศลาว ขณะนั้นบริเวณนี้ยังเป็นป่าดงดิบรกทึบเต็มไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิด ซึ่งในแต่ละปีจะมีพระธุดงค์ผ่านมาพำนักอยู่เป็นประจำ เพราะเป็นสถานที่เงียบสงบ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม ชาวบ้านจึงนิมนต์ให้ท่านจำพรรษาอยู่เพื่อให้เป็นวัดที่สมบูรณ์ครบองค์ประกอบ

ต่อมาพระอธิการด่อน อินทสาโร หรือหลวงปู่ด่อน ซึ่งเป็นพระที่ชาวบ้านปากคาดนับถือ ได้สร้างวัดเป็นรูปเป็นร่างขึ้น และเจริญมาเป็นลำดับจนถึงปัจจุบัน เหตุที่เรียกกันอีกชื่อว่าวัดถ้ำศรีธนนั้นสันนิษฐานว่า อาจเป็นเพราะว่าวัดแห่งนี้อยู่ใกล้กับเมืองเป็งจานนครราช ซึ่งเป็นเมืองของท้าวศรีธนนั่นเอง

ประวัติความเป็นมาของวัดถ้ำศรีธน

ชาวบ้านงเรียกบริเวณถ้ำดังกล่าวว่า “ถ้ำศรีธน” เพราะมีร่องรอย ต่างๆ ตามตำนานท้าวศรีธนปรากฏอยู่เช่น ตัวของถ้ำ สถานที่ศรีธนลองดาบ และยังอยู่ใกล้บ้านเปงจาน หรือเมืองเปงจานนครราชในอดีต ซึ่งมีหลักเสมาเก่าแก่สูงประมาณ 1.90 เมตร มีตัวอักษร เป็นสิ่งเบ่งบอกว่าสถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของเมืองโบราณมาก่อน

ตามข้อสันนิฐานเล่าสืบกันต่อมาว่า ท้าวศรีธน เป็นโอรสของพระเจ้าอาทิตยวงศ์แห่งเมือง ปัญจานคร ต่อมาเรียกว่าเมืองเปงจานนคร (ปัจจุบันบ้านเปงจาน อยู่ห่างจากถ้ำศรีธนประมาณ 10 กิโลเมตร)

ท้าวศรีธนได้ติดตามหานางมโนราห์ซึ่งเป็นมเหสีผ่านมาถึงถ้ำฤาษีกัสสปะ พระองค์รำพึงว่า “เรามีความชำนาญ แต่ด้านยิงธนูควรที่จะเรียนวิชาอาคมอื่นเพิ่มเติมเผื่อได้ใช้ในคราวจำเป็น” ท้าวศรีธนจึงได้หยุดเรียน ณ สถานที่ แห่งนี้กับพระฤาษีกัสสปะ

หลังจากเรียนอาคมจบ พระองค์ก็อยากทดลองอาคมดู จึงเดินล้อมไปหลังถ้ำ เลือกก้อนหินก้อนหนึ่งเป็นเครื่องมือทดลอง จากนั้นพระองค์ ได้ใช้มนต์อาคมที่เรียนมาเสกเป่าใส่ดาบ เมื่อท่องมนต์จบก็เงื้อดาบฟันลงบนก้อนหินถึงสามครั้ง ทำให้เกิดเสียงดังสะนั่นหวั่นไหวไปทั่วอาณาบริเวณ ถึงสามครั้ง ผลปรากฏว่า หินก้อนนั้นขาดออกเป็นสามท่อนเป็นน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก

จากนั้นพระองค์ก็ลาพระฤาษี กัสสปะ ตามหานางมโนราห์มเหสีผู้มีค่าเท่าชีวิต ไปจนพบที่เมืองภูเงินแห่งเขาไกรราช แล้วต่อมาพระองค์ กับมเหสีมโนราห์ก็กลับมาปกครองเมืองเปงจานต่อจากพระราชบิดา ด้วยความผาสุข จนสิ้นสมัยของพระองค์

โดยนิทานพื้นเรื่องนี้สถานที่เกิดคือตำบลปากคาด อำเภอปากคาด และตำบลโพนแพง กิ่งอำเภอรัตนวาปี จังหวัด หนองคาย เป็นเรื่องที่อ่านแล้วสนุกสนานมาก เบ่งบอกถึงพลังแห่งความรัก ถึงแม้นจะมีอุปสรรคมาขวางกั้น สักเท่าใดก็ตาม ก็ไม่สามารถมากั้นรักอันทรงมีพลังเหนือชีวิตไปได้สมกับคำนิยามของเรื่องนี้ที่ว่า “รักที่เพียรพยายาม”

[adsense-2]

ติตด่อสอบถามเพิ่มเติม

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)สำนักงานอุดรธานี (รับผิดชอบพื้นที่ อุดรฯ หนองคาย บึงกาฬ) โทร.0-4232-5406-7
ศูนย์บริการข่าวสารท่องเที่ยว ททท. 1672
สำนักงานจังหวัด โทร. 0-4249-1797-8
ตำรวจท่องเที่ยว โทร. 1155
ตำรวจทางหลวง โทร. 1193
สถานีตำรวจภูธร โทร. 0-4249-1256, 0-4249-1254,0-4249-1258
โรงพยาบาลบึงกาฬ โทร. 0-4249-1162-3
สำนักงานขนส่งจังหวัด โทร. 0-4249-1245

การเดินทาง

รถยนต์ส่วนตัว
จากตัวเมืองใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 212 ไป 90 กิโลเมตร ถึงอำเภอปากคาด มีทางแยกขวาเข้าวัดไปอีก 500 เมตร

แผนที่

ความเห็น

ความเห็น