วัดวังขนายทายิการาม

วัดวังขนายทายิการาม หรือวัดบ่อน้ำแร่ ตั้งอยู่ที่ตำบลวังขนาย อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี วัดแห่งนี้มีสิ่งที่น่าสนใจคือหลวงพ่อสรรเพชญ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์และเก่าแก่ประจำวัดให้ผู้คนได้เข้ามากราบไหว้เพื่อเสริมศิริมงคลแก่ชีวิตด้วยค่ะ ตามคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ที่เล่าต่อๆกันมาว่า ได้มีคนนำหลวงพ่อสรรเพชญล่องมากับแพและเมื่อแพได้ล่องมาถึงตำบลวังขนาย แพได้มาติดอยู่ที่เกาะวังขนาย ชาวบ้านมาพบเห็นเข้า จึงได้อาราธนานำไปไว้ที่ถ้ำกูป ตำบลบ้านใหม่ อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี มีอยู่ด้วยกัน3 องค์ แต่อีก 2 องค์ไม่ทราบว่าตกไปอยู่ที่ใด

หลวงพ่อเสนาะอดีตเจ้าอาวาสวัดวังขนายฯสมัยที่ท่านยังไม่ได้บวชเป็นพระ ท่านทำไร่ยาสูบอยู่บริเวณ ถ้ำกูป ท่านเคยขึ้นไปกราบไหว้และอธิษฐานว่า ถ้าท่านบวชเป็นพระและได้เป็นเจ้าอาวาสวัดใดวัดหนึ่ง ท่านจะนำหลวงพ่อสรรเพชญองค์นี้ไปอยู่ด้วยกัน

ก่อนหน้าที่หลวงพ่อเสนาะจะมาเป็นเจ้าอาวาสวัดวังขนายฯ ท่านบวชอยู่ที่วัดต้นลำใยในเขตอำเภอท่าม่วง อยู่ที่วัดต้นลำใย 11 พรรษา ต่อจากนั้นชาวบ้านจึงได้กราบนิมนต์ท่านมาอยู่ที่วัดวังขนายเมื่อปี พ.ศ.2501 แต่หลวงพ่อสรรเพชญนั้น ชาวบ้านได้อาราธนามาอยู่ที่วัดวังขนายฯก่อนหน้าท่านแล้ว 3 ปี เมื่อหลวงพ่อเสนาะมาพบหลวงพ่อสรรเพชญที่วัดวังขนายฯ ท่านจึงนำไปไว้ที่กุฏิของท่าน จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ.2525 ทางวัดวังขนายได้ทำการก่อสร้างวิหารฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ ทางวัดจึงได้อาราธนาหลวงพ่อสรรเพชญไปประดิษฐานอยู่ที่นั่นจนถึงปัจจุบัน

นอกจากนี้สิ่งที่โด่งดังของวัดก็เห็นจะเป็นบ่อน้ำร้อนที่ผู้คนมักเข้ามาแช่เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อผ่อนคลายการทำงานของระบบต่างๆในร่างกาย ช่วยคลายเครียด ช่วยให้การหมุนเวียนของเลือดลมหมุนเวียนได้ดี และยังทำให้ไขมันในเส้นเลือดลดลงอีกด้วยค่ะ

บ่อน้ำร้อนวัดวังขนาย เป็นน้ำบาดาล ซึ่งดูดมาจากใต้ดิน ความลึกประมาณ 30 เมตร บริเวณวัดกว่า 90 ไร่ จะมีอุณหภูมิที่ร้อนเกือบทั้งหมด ความร้อนของแต่ละที่จะไม่เหมือนกัน บริเวณหน้าวัดจะร้อนที่สุดประมาณ 42 องศาเซลเซียส ที่มาของการค้นพบบ่อน้ำแร่เริ่มมาจากเมื่อ พ.ศ. 2540 กรมทรัพยากรธรณี ได้มาเจาะบ่อน้ำบริเวณวัด พบว่ามีความร้อนถึง 42 องศาเซลเซียส จึงแนะนำให้ทางวัดนำน้ำนี้มาใช้และชำระร่างกาย และต่อมาได้นำน้ำร้อนในบ่อนี้ไปวิเคราะห์ และพิสูจน์ปรากฏว่าในน้ำมีแร่ธาตุอยู่หลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย

น้ำแร่ของวัดวังขนาย ความร้อนที่ได้รับจะต่างจากบ่อน้ำร้อนอื่นๆ คือบ่อทั่วไปจะร้อนประมาณ 60-100 องศาเซลเซียส แต่ของวัดวังขนายจะร้อนประมาณ 40 องศาเซลเซียสเหมาะสำหรับ “ธาราบำบัด” ที่ต้องมีอุณหภูมิอยู่ไม่ต่ำกว่า 40 และ ไม่เกิน 45 องศาเซลเซียส และได้มีการดัดแปลงให้ใช้ง่ายและสะดวกสำหรับการแช่ คือทั้งแช่เท้า แช่ทั้งตัวแบบนอน และแบบนั่ง เป็นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อผ่อนคลายการทำงานของระบบต่างๆ ในตัวเรา คลายเครียดทำให้จิตใจดีขึ้นช่วยให้การหมุนเวียนของเลือดลมหมุนเวียนได้ดี

วิธีการอาบน้ำแร่ แช่น้ำร้อน

    1. ให้ไปขอพรหลวงพ่อสรรเพชญและรูปจำลองหลวงพ่อเสนาะที่วิหารกาญจนาภิเษก 50 ปี เพื่อเป็นศิริมงคลในการบำบัดรักษาหรือเพื่อสุขภาพที่ดี
    2. ให้ผู้ที่ต้องการแช่น้ำในบ่อ มาลงชื่อที่อยู่พร้อมทั้งขอรับบัตรและน้ำมนต์
    3. ควรทำความสะอาดอ่างน้ำที่จะลงแช่ก่อน หากเปิด-ปิดน้ำร้อนยังไม่เป็นให้เรียก จนท. ช่วยเหลือหรือแนะนำในการปิด – เปิดน้ำร้อน โดยในครั้งแรกควรเปิดแช่เพียงแค่ระดับข้อเท้าเพื่อปรับตัวและระดับอุณหภูมิในร่างกายเสียก่อนแล้วจึงเพิ่มปริมาณน้ำ ปรับระดับน้ำร้อนให้สูงขึ้นเรื่อยๆ จากข้อเท้า เป็นเข่าเอว อก โดยในแต่ละระดับควรแช่และปรับตัวครั้งละประมาณ 3 – 5 นาทีปวดเมื่อยบริเวณใดก็แช่น้ำร้อนแล้วบีบนวดไปตามความพอใจ

ข้อควรระวัง

  1. ห้ามสตรีมีรอบเดือนหรือครรภ์และผู้ที่มีเชื้อ เอช.ไอ.วี ลงอาบน้ำ
  2. ห้ามอาบหรือแช่เกินครั้งละ 30 นาที (15 นาทีกำลังดี)
  3. ห้ามดำน้ำเล่นโดยเด็ดขาด (อาจสำลักและเป็นอันตรายได้)
  4. ห้ามเด็กต่ำกว่า 7 ขวบและคนสูงอายุ คนพิการ อาบหรือแช่น้ำตามลำพัง
  5. หลังจากอาบ-แช่น้ำร้อนแล้ว ควรนั่งพักประมาณ 15 นาที เพื่อปรับสภาพร่างกาย ก่อนที่จะแช่ต่อหรือเลิกการอาบ – แช่น้ำร้อน
  6. ห้ามนำสบู่ ยาสระผม ลงไปในอ่างอาบ – แช่ น้ำร้อนเด็ดขาด
  7. ผู้เป็นโรคหัวใจ ความดัน เบาหวาน หืดหอบ ไม่ควรแช่เกิน 20 นาที
  8. ไม่ควรแช่น้ำเกินระดับหน้าอก เพราะจะทำให้เสียเหงื่อมาก
  9. หลังจากแช่บ่อน้ำร้อนแล้วให้รับน้ำมนต์จากเจ้าหน้าที่ไปดื่มเพื่อชดเชยเหงื่อที่เสียไป

[adsense-2]

ช่วงเวลาที่เปิดให้บริการ เปิดบริการทุกวันตั้งแต่ 05.00-21.00 น.

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม

คุณสมเกียรติ ทรงเจริญ ฝ่ายประชาสัมพันธ์บ่อน้ำแร่ โทร. (081) 005 1355
คุณสมชาย ศรีสวัสดิ์  เลขาฯคณะ กก. / ไอที โทร. (081) 736 1707
สำนักงานการท่องเที่ยวกาญจนบุรี (034) 511 200
สำนักงานจังหวัดกาญจนบุรี โทร. (034) 511 778, (031) 512 399
ประชาสัมพันธ์จังหวัดกาญจนบุรี โทร. (034) 512 410, (034) 514 756
สำนักงานเทศบาลเมืองกาญจนบุรี โทร. (034) 511 502-2
ที่ว่าการอำเภอเมืองกาญจนบุรี โทร. (034) 511 040, (034) 622 952
สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองกาญจนบุรี โทร. (034) 621 040-2
โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา โทร. (034) 622 999, (034) 511 233
บริษัท ขนส่ง จำกัด โทร. (034) 511 387
สถานีขนส่งจังหวัดกาญจนบุรี โทร. (034) 511 182
สถานีรถไฟกาญจนบุรี โทร. (034) 511 285
ตำรวจทางหลวง โทร. 1193
ตำรวจท่องเที่ยว โทร. 1155

การเดินทาง

รถยนต์ส่วนตัว  

เส้นทางที่ 1 ใช้ ถ.ปิ่นเกล้า-นครชัยศรี ข้ามสะพานพระปิ่นเกล้า แล้ววิ่งขึ้นทางคู่ขนานลอยฟ้าจากนั้นตรงไปเรื่อยๆจนถึงทางแยกไปอ.สามพราน จ.นครปฐม ให้ชิดขวาแล้วไปตาม ทางหลวงหมายเลข 4 ผ่าน อ.นครชัยศรี อ.เมือง จ. นครปฐม จนถึง กม.69 ให้เตรียมชิดซ้ายเพื่อขึ้นสะพานข้าม แยกไป ทาง อ. บ้านโป่ง จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 323 (ถ.แสงชูโต) ผ่านสามแยกกระจับ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เข้าสู่ จ.กาญจนบุรี ที่อ.มะกา อ.ท่าท่วง ไปจรถึง อ.เมือง รวมระยะทาง 129 กม.

เส้นทางที่ 2 ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (ถ.เพชรเกษม) เริ่มจากบางแค ผ่าน อ้อมน้อย , อ้อมใหญ่ , อ.สามพราน , อ.นครชัยศรี ไปบรรจบกับเส้นทางที่ 1 หลังจาก อ.สามพราน ทั้งสองเส้นทางนี้ระยะทางใกล้เคียงกันแต่เส้นทางที่ 2 จะมีปัญหา
รถติดมากกว่า

แผนที่

ความเห็น

ความเห็น