Month: December 2014

พระธาตุเรืองรอง

พระธาตุเรืองรอง ไปกราบไหว้พระธาตุเรืองรองเพื่อชีวิตที่รุ่งเรืองกันค่ะ พระธาตุเรืองรอง  ตั้งอยู่ที่วัดบ้านสร้างเรือง ตำบลหญ้าปล้อง  อำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นพระธาตุศิลปะแบบพื้นบ้านที่สร้างขึ้นโดยผสมศิลปอีสานใต้ สี่เผ่าไทย ได้แก่ ลาว ส่วย เขมร เยอ มีความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์อย่างลงตัว พระธาตุมีความสูง 49 เมตร แบ่งออกเป็น 6 ชั้น ชั้นล่างสุดใช้สำหรับประกอบพิธีทางศาสนา ชั้นที่สองและสามเป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านสี่เผ่าไทย ชั้นที่สี่เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญ ชั้นที่ห้าใช้สำหรับการทำสมาธิ และชั้นที่หกเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและจุดชมทัศนียภาพของพื้นที่โดยรอบ” วัดบ้านสร้างเรืองเริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2511 โดยหลวงปู่ธัมมา พิทักษา ซึ่งเป็นชาวบ้านสร้างเรืองโดยกำเนิด จนได้รับพระราชทานวิสุงคามวาสี เมื่อปี พ.ศ. 2520 ต่อมาหลวงปู่ธัมมา ได้เล็งเห็นว่าในภูมิภาคอีสานใต้ไม่มีพระธาตุให้ชาวบ้านสักการบูชา จึงได้ริเริ่มสร้างพระธาตุขึ้นในปี พ.ศ. 2525 พระธาตุเรืองรอง เป็นพระธาตุที่สร้างแบบศิลปะพื้นบ้านสี่เผ่า ได้แก่ ส่วย เขมร ลาว เยอ เริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2524 โดยหลวงปู่ธัมมา พิทักษา มีความสูง 49 เมตร ฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสด้านละ […]

Read More

ผสมออีแดง

ผามออีแดง ไปชมทะเลหมอก อาบสายลมหนาว ดูวิวบนยอดผากันค่ะ ผสมออีแดงตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ผามออีแดงแห่งนี้ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญของรอยต่อปราสาทพระวิหารที่หลายคนกล่าวขาน หลายคนถึงบางอ้อกันแล้วคือรู้เลยว่าที่นี่มีความสำคัญอย่างไร ที่นี่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับทางเดินขึ้นปราสาทเขาพระวิหาร เป็นหน้าผาสูงชันกั้นเขตแดนประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา ตลอดแนวผามออีแดงมีระยะประมาณ 300 เมตร เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นทัศนียภาพของแผ่นดินประเทศกัมพูชาที่อยู่ต่ำลงไปอย่างเป็นมุมกว้าง มีฝูงค้างคาวในยามพระอาทิตย์ตกดิน บริเวณใกล้เคียงมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ชมโบราณสถานสถูปคู่รูปทรงสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ ส่วนบนกลมข้างในเป็นโพรง สำหรับบรรจุสิ่งของสร้างด้วยหินทรายแดง ขนาดกว้าง 1.93 เมตร ยาว 4.2 เมตร ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ คำว่า “มอ” ภาษาอีสานแปลว่า โพนเล็กๆ ที่โนน ที่สูงเป็นหย่อมๆ ส่วนคำว่า “อีแดง” น่าจะเป็นชื่อเรียกคนละครับ รวมแล้วคงหมายความว่าผาที่มีโพนเล็กๆ มีอีแดงอาศัยอยู่ก็เป็นได้ครับผม ผามออีแดงตั้งอยู่ที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นหน้าผาหินสีแดงที่มีทัศนียภาพกว้างไกลสุดตา และจากจุดนี้นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นปราสาทพระวิหารได้ [adsense-2] สิ่งที่น่าสนใจ ภาพสลักนูนต่ำ บริเวณผามออีแดง มีภาพแกะสลักนูนต่ำเป็นภาพคน 3 คน ในเครื่องแต่งกายแบบชาวกัมพูชา สร้างขึ้นก่อนปราสาทเขาพระวิหาร ราวกลางศตวรรษที่ 11 อายุประมาณ 1,500 ปี มีโบราณวัตถุ […]

Read More

ปราสาทหินบ้านสมอ

ปราสาทบ้านทะมอ หรือ ปราสาทบ้านทามจาน ตั้งอยู่ที่บ้านทามจาน ตำบลสมอ อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นโบราณสถานในศาสนาพุทธลัทธิมหายาน สร้างขึ้นเพื่อเป็นศาสนสถานประจำสถานพยาบาลในชุมชนต่างๆ ทั่ว อาณาจักรขอมโบราณ ช่วงสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ตรงกับพุทธศตวรรษที่ 18 ลักษณะศิลปะและรูปแบบสถาปัตยกรรมเป็นแบบศิลปะบายน วัสดุก่อสร้างส่วนใหญ่ เป็นศิลาแลง (หินแห่) ประกอบด้วยปราสาทประธาน หลังเดียวที่มีลักษณะเป็นปรางค์เดี่ยว หันหน้าไปด้านทิศตะวันออก มุมด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ หน้าประสาทประธานมีอาคารบรรณาลัย (ห้องสมุด) อาคารทั้ง 2 หลังนี้ ถูกล้อมรอบด้วยกำแพงแก้วรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ซึ่งมีทางเข้า-ออก ทางเดียว ในลักษณะซุ้มโคปุระ อยู่บริเวณกึ่งกลาวของแนวกำแพงแก้วด้านทิศตะวันออก นอกกำแพงแก้ว ห่างออกไป ทางมุมด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มีสระน้ำ รูปทรงสี่เหลี่ยม กรุขอบสระด้วยศิลาแลงเช่นกัน จากหน้ามุขของปราสาทประธานมายังโคปุระ มีทางเดิน (ชาลา) เชื่อมต่อเนื่องออกมาด้านนอก ผ่านซุ้มประตู(โคปุระ) จนถึงสระน้ำ ปัจจุบัน ปราสาทแห่งนี้ได้รับการขุดแต่ง-ขุดค้น และบูรณะเสร็จสมบูรณ์แล้ว ผลจากการขุดค้นพบโบราณวัตถุสำคัญหลายชนิด เช่น ประติมากรรมรูปพระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภา (พระโพธิสิตว์ผู้เป็นหมอยา รักษาโรค ตามคติพุทธ มหายาน), […]

Read More

ปราสาทสระกำแพงน้อย

ปราสาทหินสระกำแพงน้อย ตั้งอยู่ภายในวัดสระกำแพงน้อย ติดกับถนนสายอุทุมพรพิสัย-ศรีสะเกษ (หมายเลข 226) ในเขตตำบลขยุง อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 18 สมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ปราสาทสระกำแพงน้อย เป็นปรางค์เดี่ยวสร้างด้วยศิลาแลงรูปสี่เหลี่ยมย่อมุม สูงประมาณ 11 เมตร ศิลปะการก่อสร้างแบบขอม ใช้เป็นเทวสถานสำหรับบูชาเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์ ประกอบด้วยสิ่งก่อสร้างที่สำคัญ คือ ปราสาทประธาน วิหาร กำแพงแก้ว ซุ้มประตู และสระน้ำชื่อสระปโนดาตในปัจจุบันน้ำในสระอโนดาตนี้ถูกใช้ในทำน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ในพิธีสำคัญของจังหวัดศรีสะเกษ ปราสาทแห่งนี้จัดเป็นอโรคยาศาล (โรงพยาบาล)  หนึ่งในจำนวน 102 แห่ง ที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งอาณาจักรขอมโบราณ โปรดให้สร้างขึ้นทั่วราชอาณาจักรในราวพุทธศตวรรษที่ 18 (พ.ศ. 1724 – พ.ศ. 1761) ก่อด้วยศิลาแลง และหินทราย ตัวปรางค์ประธาน ยังค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ขาดการบูรณะ ส่วนโคปุระหรือกำแพงแก้วพังทลาย แต่ยังมีองค์ประกอบครบถ้วน ทั้งทับหลัง และโครงสร้างอื่นๆ แต่ยังไม่ได้รับบูรณะและปรับแต่ง สันนิษฐานว่าแต่เดิมนั้นอโรคยาศาลจะประกอบด้วยบริเวณสำคัญสองส่วนได้แก่ส่วนที่ใช้รักษาผู้เจ็บป่วยซึ่งคงสร้างด้วยเครื่องไม้ ปัจจุบันจึงไม่เหลือหลักฐานให้เห็น อีกส่วนหนึ่งได้แก่ศาสนสถานประจำอโรคยาศาลซึ่งยังคงเหลือหลักฐานให้เห็นในปัจจุบัน แผนผังของปราสาทสระกำแพงน้อยจะหันหน้าไปยังทิศตะวันออก […]

Read More

ปราสาทปรางค์กู่

ปราสาทปรางค์กู่ ตั้งอยู่บ้านกู่ ตำบลกู่ อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ ปรางค์องค์นี้สร้างด้วยอิฐเรียงแผ่นโต ๆ เหมือนปราสาทศีขรภูมิที่จังหวัดสุรินทร์ซึ่งเป็นศาสนสถานสมัยขอมที่เก่าแก่มาก มีอายุกว่าพันปีมาแล้ว ด้านหน้าปรางค์กู่มีสระน้ำขนาดใหญ่ เป็นทำเลพักหากินของนกเป็ดน้ำ ซึ่งมีมากในช่วงฤดูแล้งตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป ปราสาทปรางค์กู่ มีปราสาท 3 องค์ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงเดียวกัน เรียงตัวในแนวทิศเหนือ-ใต้ หันหน้าหรือมีประตูทางเข้าด้านทิศตะวันออกเพียงด้านเดียว ปราสาทประธานองค์กลางและปราสาทองค์บริวารองค์ที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ก่อด้วยอิฐ เสาประดับกรอบประตูก่อด้วยอิฐ มีการแกะสลักลวดลายลงบนอิฐตามส่วนประกอบต่างๆ เช่น บริเวณซุ้มหน้าบันสลักเป็นซุ้ม โค้งหยักมียอดแหลม ช่วงปลายสลักเป็นรูปเศียรนาค บริเวณหัวเสาประดับผนังสลักเป็นเส้นตรงในแนวนอนขนานกัน เป็นต้น ส่วนปราสาทองค์บริวารองค์ที่อยู่ทางทิศเหนือก่อด้วยศิลาแลง จากฐานถึงส่วนเรือนธาตุส่วนยอดปราสาทก่อด้วยอิฐ ปราสาทแห่งนี้เดิมเคยมีทับหลังอยู่เหนือกรอบประตูทางเข้า ทับหลังของปราสาทประธานองค์กลางเป็นรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ทับหลังของปราสาทบริวารองค์ทิศใต้เป็นภาพพระนารายณ์ 4 กร ทรงครุฑยืนอยู่บนหลังสิงห์ 2 ตัว ส่วนทับหลังของปราสาทบริวารองค์ที่อยู่ทางทิศใต้เป็นภาพพระลักษมณ์ถูกศรนาคบาศ ปัจจุบันทับหลังเหล่านี้ถูกเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย จังหวัดนครราชสีมา จากการขุดแต่งโบราณสถานแห่งนี้ในปี พ.ศ. 2531 พบโบราณวัตถุที่เป็นชิ้นส่วนประกอบอาคารที่น่าสนใจหลายชิ้น เช่น ชิ้นส่วนบัวยอดปราสาท แผ่นศิลาฤกษ์ บันแถลง ชิ้นส่วน กรอบหน้าบันรูปนาค 5 เศียร และหัวเสาประดับผนังรองรับ เป็นต้น จากลักษณะของศิลปกรรมที่ปรากฏ กล่าวได้ว่าสร้างขึ้นในศาสนาฮินดู ประมาณพุทธศตวรรษที่ 17 มีรูปแบบศิลปะเขมรแบบนครวัด […]

Read More

น้ำตกห้วยจันทร์

น้ำตกห้วยจันทร์ หรือน้ำตกกันทรอม ตั้งอยู่ที่บ้านห้วยจันทร์ อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาบรรทัด บริเวณเขาเสลาแล้วไหลลงสู่แม่น้ำมูล ที่อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ เดิมภายในบริเวณมีต้นจันทน์แดง และจันทน์ขาวขึ้นอยู่หนาแน่น น้ำตกห้วยจันทร์ เป็นน้ำตกที่สวยงาม ไหลลดหลั่นมาตามชั้นหิน มีน้ำตลอดปี บริเวณร่มรื่นด้วยพันธุ์ไม้ป่านานาชนิด เหมาะสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ  มีน้ำตลอดทั้งปีมีน้ำมาในช่วงเดือนกันยนยน-กุมภาพันธ์ [adsense-2] ติตด่อสอบถามเพิ่มเติม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุรินทร์ (รับผิดชอบ จ.สุรินทร์,จ.บุรีรัมย์,จ.ศรีสะเกษ) (044) 514447 สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดศรีสะเกษ (045) 611840 สอบถามข้อมูลท่องเที่ยว 1672 ตำรวจท่องเที่ยว 1155 ตำรวจทางหลวง 1193 สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ (045) 612545 สถานีรถไฟศรีสะเกษ (045) 611525 ตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ (045) 611555 โรงพยาบาลศรีสะเกษ (045) 611434 อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร (045) 818021 การเดินทาง รถยนต์ส่วนตัว ใช้เสันทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2111 เข้าตัวเมืองขุนหาญ แล้วแยกไปใช้เสันทางหลวงหมายเลข 2128 ระยะทางประมาณ […]

Read More

เที่ยว ศรีสะเกษ

ศรีสะเกษ “หลวงพ่อโตคู่บ้าน ถิ่นฐานปราสาทขอม ข้าวหอม กระเทียมดี มีสวนสมเด็จ เขตดงลำดวน หลากล้วนวัฒนธรรม เลิศล้ำสามัคคี” เทศกาล/ประเพณี  เทศกาลดอกลำดวนบาน สืบสานประเพณีสี่เผ่าไทย จัดเป็นประจำทุกปีช่วงเดือนมีนาคม ณ บริเวณสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ อ.เมือง งานเทศกาลเงาะ ทุเรียน และของดีศรีสะเกษ จัดเป็นประจำทุกปีช่วงเดือนมิถุนายน ณ บริเวณสนามหญ้า ศาลากลางจังหวัด การเดินทาง รถทัวร์ จากสถานีขนส่งหมอชิต 2 มีรถเที่ยวเวลา 08:20-21:00 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง ค่าโดยสารประมาณ 340-440 บาท ข้อมูลเพิ่มเติมโทร 1490 รถไฟ จากสถานีหัวลำโพงมี 7 ขบวน/วัน เวลา 05:45 /06:40/10:05/15:20/18:55/20:30/22:25 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 9-10 ชั่วโมง ค่าโดยสารประมาณ 197-1,736 บาท ข้อมูลเพิ่มเติมโทร 1690 สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ปราสาทสระกำแพงใหญ่ ศาสนสถาโบราณแดนอีสาน ปราสาทหินขอมขนาดใหญ่ […]

Read More

อุทยานแห่งชาติภูเรือ

อุทยานแห่งชาติภูเรือ ไปท้าลมหนาวที่ขึ้นชื่อว่าหนาวสุดในแดนสยามกันค่ะ อุทยานแห่งชาติภูเรือตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ ตำบลหนองบัว อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย และอำเภอท่าลี่ อาณาเขตทางทิศเหนือติดกับประเทศเพื่อนบ้าน คือ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นภูเขาสูงบนยอดเขาเป็นที่ราบกว้างมีต้นสนจำนวนมาก ขึ้นสลับซับซ้อน มีลักษณะแปลกก็คือ มีส่วนหนึ่งเป็นผาชะโงกยื่นออกมาเหมือนหัวเรือสำเภาขนาดใหญ่ ลักษณะภูมิประเทศของอุทยานแห่งชาติภูเรือเมื่อมองโดยรอบ ในที่สูง จะเห็นทิวเขาสลับซับซ้อนกันสวยงาม ประกอบด้วยเขาหินประเภทต่าง ทรายและหินแกรนิสสสับกัน สัตว์ป่าที่พบเห็นได้แก่ หมี เก้ง หมาใน ไก่ฟ้าพญาลอ เต่าปูลู อุทยานภูเรืออยู่บนยอดเขาสูงทำให้มี อากาศหนาวเย็นตลอดปีและเป็นอุทยานที่มีอากาศหนาวเย็นที่สุดของประเทศโดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวจะหนาวเย็นมาก จนกระทั่งน้ำค้างบนยอดหญ้าจะแข็งตัว ภาษาพื้นเมือง เรียกว่า “แม่คะนิ้ง” รูปพรรณสันฐานของภูเรือ มีรูปร่างลักษณะเหมือน เรือใหญ่บน ยอดดอยสูง เป็นภูผาสีสันสะดุดตา หินบางก้อนมีลักษณะเหมือนถูกปั้นแต่งไว้ ชาวบ้านเรียกว่า “กว้านสมอ” โดยรอบๆ จะเห็นยอดดอยเป็นขุนเขาน้อยใหญ่ใกล้เคียงเป็นฝ้าขาวด้วยละอองน้ำ หมอก ปกคลุมไว้ท่ามกลางป่า อันอุดมสมบูรณ์ มีเนื้อที่ประมาณ 120.84 ตารางกิโลเมตร กิจกรรมอื่นๆที่น่าสนใจที่นักท่องเที่ยวนิยมทำในจังหวัดภูเรือได้แก่ การชิมไวน์ ชาโต้เดอเลย, การชมวัฒนธรรมพื้นบ้าน สิ่งที่น่าสนใจภายในอุทยานห่งขาติภูเรือ ผาโหล่นน้อย เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงาม สามารถมองเห็นภูหลวง ภูผาสาด ภูครั่งและทะเลภูเขา […]

Read More

ศูนย์ศิลป์สิรินธร

ศูนย์ศิลป์สิรินทร ไปเดินชิลดูนิทรรศการศิลปะระดับประเทศกันค่ะ ศูนย์ศิลป์สิรินธร ตั้งอยู่ที่ โรงเรียนศรีสงครามวิทยา ถนนเลย- หนองบัวลำภู อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย เป็นแหล่งรวบรวมภาพเขียนและชิ้นงานศิลปะหลากหลาย จัดไว้ในหอนิทรรศการถาวรและหมุนเวียน รายล้อมด้วยสวนป่าซึ่งมีสภาพแวดล้อมดีเยี่ยม ลักษณะของอาคารแห่งนี้สร้างด้วยสถาปัตยกรรมเรียบง่าย การออกแบบรูปทรงให้สอดคล้องกับธรรมชาติมากที่สุด เมื่อมองแล้วคล้ายกับงานประติมากรรมสร้างสรรค์แก่สวนป่ามากขึ้น แต่ละอาคารมีการจัดแบ่งตามลักษณะของการใช้สอย จัดแสดงภาพเขียนของเด็กนักเรียนและเยาวชนทั่วไปนอกจากนี้ยังมีร้านจำหน่ายผลงานศิลปะและของที่ระลึกด้วย ประวัติความเป็นมาของศูนย์ศิลป์สิรินธร ชื่อของ “ศูนย์ศิลป์สิรินธร” ได้รับพระราชทานชื่อจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เริ่มก่อสร้างขึ้นราว พ.ศ. 2536 ด้วยเงินงบประมาณ 11 ล้านบาท เกิดจากความคิดริเริ่มของ “ครูสังคม ทองมี” เป็นครูสอนศิลปะมีผลงานสร้างชื่อเสียงระดับประเทศ เพื่อเป็นการเปิดโลกทัศน์และถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับศิลปะ ให้เกิดการศึกษาเรียนรู้เพื่อการนำไปปฏิบัติให้เกิดความชำนาญยิ่งขึ้น ด้วยความมุ่งหวังที่จะเปิดโลกทัศน์ให้กับเด็ก ๆ และผู้รักศิลปะในพื้นที่แถบภาคอีสานได้ใช้เป็นแหล่งศึกษาหาความรู้ เพื่อเสริมความรู้ที่นอกเหนือไปจากการเรียนการสอนในตำรา ศูนย์ศิลป์สิรินทร สร้างบนเนื้อที่ทั้งหมด6ไร่ในบริเวณโรงเรียนศรีสงครามวิทยาอำเภอวังสะพุงจังหวัดเลย อาณาบริเวณโดยรอบแวดล้อมไปด้วย ธรรมชาติของสวนป่า สถาปัตยกรรมการก่อสร้าง ได้รับการออกแบบให้สอดคล้องกับธรรมชาติมากที่สุด โดยฝีมือการออกแบบ ของบริษัทแปลน อาร์คิเต็ค จำกัด ศูนย์ฯ นี้เป็นสถานที่แสดงภาพเขียนของนักเรียนที่มีความสวยงามโดยสร้างชื่อเสียงทั้งในประเทศและระดับโลกมาแล้ว ทั้งยังเป็นแหล่งความรู้ทางศิลปะวัฒนธรรมประกอบด้วยหอนิทรรศการถวรและหมุนเวียน อาคารฝึกปฏิบัติงานศิลปะ และร้านจำหน่ายผลงานศิลปะและของที่ระลึก อาคารทั้งสี่หลังของศูนย์ศิลป์ฯออกแบบเป็นรูปทรงเรียบง่ายทว่าแฝงไว้ด้วยพลังแห่งการสร้างสรรค์อย่างเต็มเปี่ยมมองดูคล้ายกับงานประติมากรรมที่ช่วยประดับประดาให้สวนป่าโดยรอบมีความงดงาม อาคารแต่ละหลังมีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นแตกจ่างกันไปตามลักษณะของการใช้สอย ทุกอาคารมีส่วนเชื่อมโยงถึงกันด้วยทางเดินที่เปรียบเสมือนแกนเชื่อมระหว่างอาคาร ถ้าหากมีการสร้างอาคารหลังใหม่เพื่อกิจกรรมอื่นๆ ก็สามารถสร้างต่อกันไปตลอดในแนวเดียวกัน [adsense-2] […]

Read More

วัดศรีคุณเมือง

วัดศรีคุณเมือง หรือ “วัดใหญ่” ตั้งอยู่ที่ ถนนศรีเชียงคาน ซอย 7 อ.เชียงคาน จ.เลย หนึ่งในหลายศาสนสถานสำคัญและถือเป็นจุดศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านที่นี่ วัดตั้งอยู่บนถนนชายโขง ระหว่างซอยศรีเชียงคาน 6 และซอยศรีเชียงคาน 7 วัดนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2485 และถือเป็นวัดเก่าแก่ที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองเชียงคานมาอย่างยาวนาน และทุกวันพระรวมถึงวันสำคัญทางพุทธศาสนา วัดแห่งนี้จะคลาคล่ำไปด้วยผู้คน ซึ่งมีทั้งชาวเชียงคานเองรวมถึงนักท่องเที่ยวผู้มาเยือน ที่ต่างก็พร้อมใจกันมาร่วมทำบุญตักบาตร ฟังเทศน์ ฟังธรรมกันอย่างถ้วนหน้า อีกทั้งยังมีวัตถุโบราณที่ได้ขึ้นทะเบียนเป้ฯโบราณวัตถุของชาติ 4 อย่างคือ ธรรมาสน์ไม้สักแกะสลักลายประดับกระจกสี  พระพุทธรูปยืนชนิดไม้ทาน้ำทอง พระพุทธรูปปางประธานอภัยชนิดไม้ทาน้ำทอง  ศิลาจารึกชนิดหิน สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด โบสถ์เก่าแก่ เป็นโบสถ์ที่มีหลังคาลดหลั่นกันลงมาตามแบบศิลปะล้านนา อยู่เบื้องหน้า นอกจากนี้บริเวณผนังด้านหน้าของพระอุโบสถยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง ปรากฏให้เห็นอยู่เต็มหน้าบรรณ ซึ่งภาพทั้งหมดนี้เป็นภาพนิทานชาดกชุด พระเจ้าสิบชาติ และถ้าสังเกตยังบริเวณด้านล่างของภาพจะเห็นว่ามีรูปรถตุ๊กตุ๊กอยู่ด้วย ทำให้สันนิฐานได้ว่า น่าจะเป็นภาพที่ถูกเขียนขึ้นมาใหม่หรืออาจมีการแต่งเติมลงไปบนภาพเขียนเดิม ก็เป็นได้ พระพุทธรูปไม้จำหลัก ประดิษฐานอยู่ภายในโบสถ์ เป็นพระพุทธรูปลงรักปิดทอง ปางประธานอภัย ที่สร้างตามแบบศิลปะล้านช้างหรือแบบลาว พระพุทธรูปดังกล่าวมีพระเกศาเป็นปุ่มแหลมเล็ก พระกรรณค่อนข้างแหลมและยาว สันนิษฐานว่ามีอายุในราวพุทธศตวรรษที่ 24-25  สำหรับผู้หญิง การที่จะเข้ามาสักการะพระพุทธรูปไม้จำหลักนี้ จะทำได้เพียงการก้มกราบอยู่ตรงบริเวณด้านล่างของอาศนะสงฆ์เท่านั้น นอกจากนี้บริเวณด้านข้างของพระประธานจะมี “ฮางฮด” […]

Read More